เคยลองพวก syslogy รุ่นเล็กๆ  ใกล้ๆพวก QNAP (พวกนี้ค่าตัวรวม HDD ก็ทะลุหมื่นแล้ว) พวกนี้ทำงานดีตามราคาแต่ไม่เท่า com ตัวเล็กมา set เองเร็วกว่ากันแยะ  พวกนี้จะมีปัญหาทำงาน NFS ที่สามารถใช้งานกับ ESX ได้แต่จะช้ามากๆ  ดีหน่อยถ้าใช้แค่ FTP หรือ share samba บน win
  รุ่นถูกๆมันติดปัญหา physical ethernet ทำงานได้ไม่ดีเท่า lan card ติดมากับ com แม้จะเป็นเพียงแค่ Realtek ก็ตาม

  ไม่ทราบว่า XP ได้ติดตั้งพวก dotnet framework รุ่นใหม่ๆ  อย่าง version 3 หรือ 3.5 ครบหรือยัง  ถ้ายังลอง load มาติดตั้งดูก่อนครับ  อีกอย่างใช้ win xp พวกตัดแต่งพันธุ์กรรมหรือเปล่าบางทีอาจจะมาจากปัญหาตัว win เองก็เป็นได้ครับ
  ที่ไม่มี icon ขึ้นน่าจะติดตั้งยังไม่สมบูรณ์นะครับ

  หมายถึงเขียน backup จาก VCB แค่นั้นเหรอครับ  ถ้าอย่างขอให้ตัวที่ run vcb แล้วเห็น storage เป็นพอครับ  แต่ NAS ราคาแถวๆ 10K ผมว่าเอา atom มาทำ NAS ยังเร็วกว่านะครับ  จากที่จับมา
  พอดีเห็นว่า SAN เป็นล้าน  เลยแนะนำทำ SAN เองแค่นั้นนะครับ  เพียงแต่ไม่มี tools ที่สะดวกสบายและต้องรับสภาพเอง       
  ของผมมันมีปัญหาปัจจัยมีน้อยแต่อยากเล่นของแพง  เลยต้องหาทางเล่นนอกแบบเอานะครับ                             

  หาเครื่องที่ลง os อะไรก็ได้ที่ถนัดเพื่อทำ SAN นะครับ  โดยหา RAID Card มาช่วยให้ประสิทธิภาพของ Storage ที่ดีขึ้น  ส่วน Step แรกเอา Lan Card แหละครับมาใช้ iSCSI ผ่าน ESX   ถ้า Load แยะและโหดหน่อยจะทำ Link Agreegrate ของ Gigabit ก็แล้วแต่ตามสะดวก
  ส่วนที่อยากให้ Backup เล็กลงตอนเราสร้าง Virtual Disk จะต้องทำการจัดโครงสร้างมันก่อน  อย่างทีผมเคยบอกจะใช้ zerothick หรือ engerzeroedthick  ก็ได้แล้วแต่สะดวก (ต้องสร้าง Disk จาก command line ถึงจะทำอะไรแปลกๆได้ผ่าน vmkfstools)  แล้วขนาดมันจะเล็กลงอีกหน่อย  แต่ได้ performance ขณะใช้งาน
  เท่าที่ลองๆดูพวก NAS หรือ SAN ในตลาด performance ยังห่างไกล  จากการที่เราสร้าง SAN หรือ NAS เองพอสมควรในราคาใกล้ๆกัน  เลยแนะนำหา RAID พร้อมเครื่องและ Hotswap Disk ยังไง  งบราวๆ 100K ดีกว่าซื้อสำเร็จหลาย  แต่ก็ต้องแลกด้วยความลำบากที่ไม่มี support ใดๆและความเสี่ยงที่จะเจอปัญหา - -" ที่อาจหาแหล่งช่วยเหลือไม่ได้

  ถ้าไม่ซีเรียสเรื่อง Hardware ผ่านการรับรองจาก vmware รองสั่ง Hardware RAID Card SATA/SAS แล้วทำ iSCSI เป็น External Storage ดูครับ
  ผมทำเล่นกับ VM Test ไม่หนักก็ ok ครับ  ไว้หนักๆค่อยหาทาง Tune มันต่อ  ที่ลองอยู่ในนี้ตอน Cluster ผมใช้ usb external disk ผ่าน iSCSI-Target แค่นั้นครับ  ใช้ Hardware RAID ดีกว่าเห็นๆ
  ที่ว่า VM ละ 10GB ตอน Backup ก่อน Zip ได้ขนาดรวมประมาณเท่าไรครับ  และ Data จริงๆใน VM มีอยู่เท่าไร

  ครับ  ไม่น่าจะต่างกันมากครับบีบแบบนี้ไม่น่าจะผิดกันแยะครับไม่เกิน 50% หรือน้อยกว่าตาม data ที่ใช้งานจริงๆ

  ก็น่าจะใกล้ๆกันครับ  ผมใช้ winrar สำหรับบีบ backup image จาก vcb  Trick ที่เคยลองคือถ้าเราสร้าง disk เป็นแบบ engerzeroedthick  จะช่วยให้สามารถ บีบได้เล็กลงใกล้เคียงกับขนาด data ที่เราได้ใช้ครับ  ขอสำคัญการใช้แบบ thick disk คือ  มันจอง disk เต็มขนาด  ไม่ได้แบบ thin ที่ประหยัดที่ในตอนแรก  แต่สูญเสียประสิทธิภาพขณะใช้งานและที่ Backup

  เป็นอันจบเสียทีกว่าจะได้ลงจนสำเร็จ     

   ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วไปทดสอบกันดูครับ  ตัวประกอบงานนี้ผมใช้ PDA เป็นตัวทดสอบ  ดังจะเห็นหน้าได้ดังภาพครับ  ซึ่งจะแสดงให้เห็นส่วนของการรับ IP มา  โดย IP 192.168.1.xxx จะเป็น IP ที่ผมใช้ในวง SSID EventWifi  ส่วน IP 192.168.183.xxx จะเป็นของวง DDWRT11Wifi  โดยวงหลังจะผ่านระบบ Hotspot ที่แสดงให้ชมก่อนหน้าครับ

  หลังปลุ๊กปล้ำส่วนของ Router และ Switch เสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้ว  มาต่อส่วนของ ESX กันถ้าใครยังจำภาคก่อนหน้านี้ผมใช้ VLAN ID ของส่วน Hotspot จะเป็น ID 101 ซึ่งคนละ ID กับภาคนี้  ปัญหาหลักๆมาจากข้อจำกัดของ VLAN บน Router เอง  ไม่สามารถเปลี่ยน ID ได้  แถมมีให้ใช้แค่ 0-15 เท่านั้น (บางตัวมีแต่ใช้ไม่ได้)  เลยต้องจำใจปรับมาใช้ ID 5 แทน  ส่วนเหตุผลว่าทำไม่ใชเบอร์  ไม่มีครับ  ใครจะใช้เบอร์อะไรก็ปรับค่าทั้งระบบให้ตรงกันเป็นพอครับ

  เป็นอันจบส่วนการ Config กับ Router
  ต่อไปจะเป็นการ Config ที่ Switch โดยเราต้องทำการเพิ่ม VLAN ID 5 ลงใน Switch ด้วยจะได้คุยกันรู้เรื่อง  และอย่าลืมปรับ Port ที่เชื่อมต่อกับ Router นั่นให้เป็น Trunk ทั้ง 2 ฝั่งทั้ง Switch และ Router(ในตัวอย่าง Port ฝั่ง Router ผมใช้ Port1 เป็น Trunk ส่วน Switch ผมใช้ Port4)  จะได้รับส่งค่า VLAN ID กันได้ด้วย

  แต่ถ้าใคร config ไว้แล้วเมื่อสั่ง Reboot แล้ว VLAN ไม่ขึ้นมาแววมันส่อมาแล้วว่า VLAN Function ของเราอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกตอ้ง
  มาต่อกัน  หลังจากเปิดการทำงาน VLAN ได้แล้วเราจะมา config ส่วนของ Bridge ให้ wireless แต่ละ SSID วิ่งไปที่ VLAN ต่างกัน  โดยในตัวอย่างผมให้ br0 (Default Bridge ที่มีอยู่แล้ว) Bridge ระหว่าง VLAN0 กับ eth2 (ใน Router ต่างรุ่นกัน eth เบอร์อาจต่างกัน)  ส่วนที่ผม Custom เพิ่มจะเป็นส่วนของ br1 โดยผมให้ Bridge กันกับ wl0.1 (เป็น SSID อันที่ 2 ที่สร้างขึ้นมา คือ DDWRT11Wifi) กับ VLAN5  ซึ่งจะ Config ได้ตามภาพ

  เมื่อเราเปิดการทำงาน VLAN ได้แล้ว  ถ้าอยากรู้ว่าทำงานไหมลองเข้า SSH ไปดูที่ Router ดูว่ามี interface VLAN ที่เราเปิดไว้ขึ้นมาไหม  ในภาพจะเห็น VLAN5 ปรากฎขึ้นมา   ถ้าใครไม่มีลอง Reboot Router ดูหลังจาก config การทำงาน VLAN

  ต่อไปเป็นการเปิดการใช้งาน VLAN ถ้าใครไม่มี Menu ตามภาพสันนิฐานไว้ก่อนว่า Router ของท่านอาจไม่รองรับการทำงาน VLAN โดยผมได้ตั้ง VLAN ไว้หลายอันแต่อันที่ผมใช้จริงๆคือ VLAN5 ครับ ^^!  กับ Port ที่เปิดการทำงาน Tag เพื่อส่งค่า VLAN ต่างๆไปคุยกับ Switch แบบ Manage ได้  ซึ่งพระเอกในที่นี้ที่ผมใช้คือ Port1 ของ LAN Switch ของ Router  Port อื่นๆในภาพเปิดใช้เพื่อทดสอบความสามารถ VLAN ของ Router ว่าทำงานได้หรือไม่แค่นั้นครับ
  เสียดายที่ VLAN บน Router นี้ใช้ได้แค่ 16 VLAN เท่านั้น  ตาม ID ที่มีมาให้ตามภาพไม่สามารถกำหนด VLAN ID อื่นๆได้  แถมซ้ำร้าย Router บ้างตัว  มีให้เห็นแต่ไม่สามารถใช้งานได้

  หลังจากหาเรื่องไรมาลงใหม่ไม่ได้เสียที  เนื่องจากทรัพย์ยังไม่พอไปสู่ขอสาวเจ้าระดับ i7   เลยมาลอง Multi SSID บน DD-WRT ต่อจนได้เป็นภาคต่ออันนี้
  โดยตัวอย่างนี้จะเป็นการใช้ Multi SSID  กับ VLAN บน Firmware DD-WRT V24 SP1   ซึ่งหลายๆท่านคงเคยลองแล้วนะครับ  โดยในตัวอย่างนี้ผมใช้ Router ของ Asus WL-500GP  ที่สามารถเปิด Function VLAN ได้ - -" อีกหลายตัวที่มีอยู่เปิดได้แต่ใช้ไม่ได้รวนก็มี
  โดยขั้นแรกเปิด Multi SSID ที่ Router โดยเข้าไปหน้าตามภาพ  ซึ่งผมมี 2 SSID คือ 1. EventWifi  2. DDWRT11Wifi